โบท็อกซ์ เป็นขั้นตอนที่นิยมในกลุ่มหญิงสาว ที่มีความกังวลเรื่องริ้วรอย และปัญหาบนใบหน้าในเมืองไทยมานานแล้ว เพราะ โบท็อกซ์ สามารถใช้ได้แล้วเห็นผลจริงๆ ทำให้มีใบหน้าที่ไร้รอยย่น ไม่มีรอยตีนกา หรือริ้วรอย ที่น่ารำคาญ ที่สำคัญการฉีดโบท็อกซ์ไม่ต้องรอจนแก่เฒ่า หรือรอให้ตีนกาปรากฏขึ้นก่อนจะฉีดยา และคุณสามารถเริ่มฉีดยาได้ก่อนอายุ 20 หรือ 30 ปี ป้องกันการแก่ก่อนวัย แต่มาดูบางสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนตัดสินใจไปฉีดโบท็อกซ์กัน

โบท็อกซ์

โบท็อกซ์ ตัวช่วยเรื่องปัญหาริ้วรอยกวนใจ ต้องเตรียมตัวยังไง หลังฉีดโบท็อกซ์

โบท็อกซ์ หรือ Botox เป็นชื่อทางการค้าของ “botulinum toxin type A” หรือ botulinum toxin บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์จะทำให้เรารู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดตัว ชา เกร็ง และผ่อนคลายหลังจากห่างหาย ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง

โบท็อกซ์ ตัวช่วยที่สำคัญของสาวๆ หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะช่วยทำให้หน้าเรียวขึ้น เต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าอีกด้วย แต่ โบท็อก นั้นมีวันหมดอายุ หากเพื่อนๆ ไม่ดูแลตัวให้ถูกต้องจัดการไม่ถูกวิธี อาจทำให้ โบท็อกซ์ หายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น วันนี้เราจึงมีวิธีช่วยให้โบท็อกซ์อยู่ได้นาน อย่างมีประสิทธิภาพต้อง มาติดตามกัน

1.ขยับกล้ามเนื้อบ่อยๆหลังจากฉีดโบท็อกซ์

สิ่งที่ถูกต้องหลังจากฉีดโบท็อกซ์ คือ ออกกำลังหรือบริหารกล้ามเนื้อประมาณ 40 นาที เนื่องจากวิธีนี้ช่วยให้ดูดซึมยาที่ฉีดเข้าไปได้ สิ่งที่คุณไม่ควรทำหลังจากฉีดโบท็อกซ์คือการประคบเย็น เพราะอาจขัดขวางการดูดซึมยาได้ ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์จึงไม่ได้ผลอย่างสมบูรณ์

2.งดนอนราบ

หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว สาวๆ ควรนอนหงายและเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า และดูแลให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะการนอนคว่ำหรือคว่ำหน้าอาจทำให้โบท็อกซ์มีประสิทธิภาพน้อยลง เพราะเลือดจะไหลไปที่ใบหน้าเป็นจำนวนมาก

3.เลี่ยงความร้อนทุกชนิด

หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว ไม่ควรโดนแสงหรือความร้อนใดๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการ ฉีดโบท็อก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่แดดจัด เนื่องจากความร้อน อาจทำให้สารพิษโบทูลินั่มสลายเร็วขึ้น

4.ทานอาหารที่มีซิงค์เยอะๆ

การรับประทานอาหารที่มีสังกะสีสูงก่อนและหลังการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้ยาทำงานเร็วขึ้นและดีขึ้น อาหารเหล่านี้ได้แก่ อาหารทะเล หอยนางรม ไข่แดง และตับ

โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบท็อกซ์ botox สารสกัดที่สามารถใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อเกร็งในบริเวณต่างๆ นอกจากนี้ โบท็อกซ์Botox ยังเป็นที่รู้จักกันดีในวงการความงาม สำหรับการปรับแก้โครงหน้าและ รูปหน้าเฉพาะจุด เพราะสาร โบท็อกซ์ Botox นี้จะมีฤทธิ์ทำให้คลายกล้ามเนื้อ โดยการรักษาในรูปแบบของการฉีดเข้าไปตามจุดที่มีปัญหา

ปกติโบท็อกซ์จะเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยต่างๆ เช่น ผู้ป่วยโรคตาเหล่ และปัญหาสายตาอื่นๆ และปัจจุบันยังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรม ความงามอีกด้วย เพราะ โบท็อกซ์สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า และทำให้หน้าดูเรียวขึ้น

บริเวณที่ฉีดที่นิยมที่สุด คือ การฉีดลดการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ที่ช่วยเคี้ยวอาหาร เพราะกล้ามเนื้อกรามในบริเวณนี้ จะทำให้ใบหน้าของคุณดูใหญ่ขึ้น หรือกว้างขึ้นได้ หากมีการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน ในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น หรือที่เรียกว่า V-shape หากสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่เกินไปก็ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ใบหน้าไม่เท่ากันได้ เป็นต้น

โบท็อกซ์ สามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง และช่วยแก้ปัญหาใดได้บ้าง? 

มีหลายวิธีที่จะเพิ่มความมั่นใจในความสวยงามในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฉีดโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบทูลินัมท็อกซิน เอ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม นวัตกรรม ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้า

สำหรับผลิตภัณฑ์ความงามที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วอย่าง Botox ซึ่งเป็นสารที่ได้มาจาก คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ได้มาจากแบคทีเรีย ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทุกวันนี้ โบทูลินั่ม ท็อกซิน มีการใช้กันมากขึ้นในอุตสาหกรรมการแพทย์และเครื่องสำอาง

ใช้สำหรับฉีดโบท็อกซ์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมความงาม เนื่องจากช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าหรือกระชับผิวบริเวณที่ฉีด ส่วนใหญ่การฉีดโบท็อกซ์จะทำเพื่อเอาตีนกาออก ยกกระชับผิวหน้าให้เห็นผลไว

โบท็อกซ์สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่งบนใบหน้า อาทิเช่น

โบท็อกซ์ที่นิยมนำมาใช้มีแบบไหนบ้าง

โบท็อกซ์ แต่ละแบรนด์นั้นมีข้อแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับวิธีการทำให้ตัวยาบริสุทธิ์ ชนิดของโปรตีนเชิงซ้อน ขนาดของโมเลกุลเชิงซ้อน และความเสถียรในการคงตัวของโมเลกุล โบท็อกซ์มีข้อดีแตกต่างกันสำหรับแต่ละยี่ห้อ

Allergan (โบท็อกอเมริกา)

Botox allergan เป็นโบท็อกซ์ดั้งเดิมที่มีการตรวจสอบยาวนานที่สุด ด้วยการศึกษามากกว่า 3,500 รายการ (ตั้งแต่ปี 1989) และเชื่อถือได้ว่า คอมเพล็กซ์โปรตีน 1,2 ได้รับการพัฒนาเพื่อลดโอกาสของการดื้อต่อโบทูลินัม ได้ผลดีที่สุดเมื่อเทียบกับโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น

Dysport (โบท็อกอังกฤษ) (since1990)

Dysport จะมีเป้าหมายที่การพัฒนาโปรตีนในส่วนที่ 2 เท่านั้น โดยเชื่อว่าการลดโปรตีนในส่วนที่ 1 จะลดโอกาสของการดื้อต่อโบทูลินัม และช่วยให้โบทอกซ์ทำงานเร็วขึ้นในส่วนที่สาม

จุดเด่นคือช่วยให้กระจายโบท็อกซ์ได้ทั่วถึง บริเวณที่ไม่ควบแน่นเป็นบริเวณแคบเหมาะสำหรับการ ฉีดโบท็อกซ์ โดยใช้เทคนิค dermolift เพื่อยกกระชับใบหน้า สำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยตามธรรมชาติ จะกระชับประมาณ 50% และเหมาะสำหรับการฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน และลดน่อง

Xeomin (โบท็อกเยอรมัน)

Xeomin (German Botox) ได้รับการพัฒนาเพื่อรวมคุณสมบัติต่างๆ ของ Allergan และ Dysport ตั้งอยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มีความบริสุทธิ์และความเข้มข้นของยาไม่สูงเกินไป (xeomin botox มีราคาเท่ากับ Allergan)

Nabota (โบท็อกซ์เกาหลี)

Nabota botox (โบท็อกซ์เกาหลี) เป็นแบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีเพียงแบรนด์เดียวที่ได้รับการรับรองจาก US FDA, US FDA Approved (2018)

จุดเด่น คือ เน้นการพัฒนาให้คล่องตัว แพทย์พบว่า Nabota botox สามารถออกฤทธิ์ได้เร็วกว่าโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นของเกาหลี สำหรับผู้ที่ต้องการผลโบท็อกซ์ทันที เมื่อลองเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆอย่าง Botox Allergan (Botox America) พบว่าการพักฟื้นตัว สั้นลงเล็กน้อย แต่ราคาเท่ากัน

Botulax (โบท็อกเกาหลี)

Botulax (โบท็อกเกาหลี) ฉีดโบลดริ้วรอย นิยมใช้ลดเลือนริ้วรอย ทำให้หน้าสว่าง และช่วยทำให้หน้ายาวขึ้น กรอบหน้าใสรักษารอยตีนกาในระดับปานกลางถึงรุนแรง ฉีดแล้วหน้าไม่แข็ง

การได้รับคำแนะนำจากแพทย์ โบท็อก ชั้นนำ เป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัย และสามารถแก้ไขปัญหาให้คุณได้อย่างตรงจุด ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจแต่ถ้าคำตอบยังไม่ใช่สำหรับคุณให้ Bowme clinic เป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหา สามารถติดต่อสอบ-ถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : bowmeclinic หรือ LINE@ : @bowme ได้ตลอด 24 ชม.